เสริมหน้าอก

รีวิวเสริมหน้าอก มีขั้นตอนการทำอย่างไรบ้าง เจ็บมากไหม

การเสริมหน้าอก ถือเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ให้กับสาว ๆ ที่มีปัญหาหน้าอกเล็กเป็นอย่างมาก ช่วยให้เกิดความมั่นใจในการแต่งตัวเพิ่มมากยิ่งขึ้น ก่อนการตัดสินใจเสริมหน้าอก สาว ๆ ควรศึกษาหารายละเอียด ไม่ว่าจะเป็น ริวิวเสริมหน้าอก วิธีปฏิบัติตัวก่อนและหลัง ศึกษาข้อมูลของคลินิก ฯลฯ ซึ่งสามารถช่วยให้คุณได้มีความปลอดภัยในการเสริมหน้าอกมากยิ่งขึ้น ปละทำให้ผลลัพธ์ที่ออกมาประสบผลสำเร็จได้ดีเลยทีเดียว

ขั้นตอนการทำหน้าอก

  1. การเตรียมตัว

ศัลยแพทย์อาจส่งตรวจสแกนแมมโมแกรมหรือเอกซเรย์เต้านมก่อนผ่าตัดเสริมหน้าอกเพื่อตรวจดูว่าเต้านมมีความผิดปกติหรือไม่ และยังเป็นการช่วยให้เห็นภาพของเนื้อเยื่อเต้านมของคนไข้ก่อนการผ่าตัดจริง นอกจากนี้อาจมีการพูดคุยอธิบายเกี่ยวกับการผ่าตัด วัสดุที่ใช้เสริมหน้าอก เวลาโดยประมาณที่ใช้ รวมทั้งการรักษาที่จะใช้หากมีผลข้างเคียงเป็นอาการบาดเจ็บหรือคลื่นไส้ตามมา เป็นต้น ในคืนก่อนการผ่าตัดเสริมหน้าอก มีข้อปฏิบัติ คือ ห้ามรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำหลังผ่านเที่ยงคืนไปแล้ว ผู้เข้ารับการผ่าตัดควรเตรียมเสื้อผ้าและยกทรงหลวม ๆ ที่ไม่มีโครงเพื่อใช้ใส่หลังการผ่าตัด และหากต้องการกลับบ้านในวันเดียวกันก็ควรมีผู้ที่คอยดูแลเพื่อความปลอดภัย

  1. การผ่าตัด

หลังจากแพทย์ให้ยาระงับความรู้สึกและรอจนยาเริ่มออกฤทธิ์แล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการผ่าตัด ซึ่งอาจเป็นบริเวณใต้เต้านม ข้อพับใต้รักแร้ รอบ ๆ หัวนม หรือตลอดแนวแผลเป็นจากการผ่าตัดเต้านม (กรณีที่ผ่าตัดเสริมเต้านมให้ผู้ป่วยที่ถูกตัดเต้านมออกไป)

การเลือกตำแหน่งของการผ่าตัดนี้สามารถส่งผลถึงลักษณะการเกิดรอยแผลเป็นและภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้หลังจากผ่าตัดเสริมหน้าอก ตำแหน่งที่นิยมผ่ากันมากที่สุดคือบริเวณใต้เต้านม เนื่องจากผิวหนังส่วนนี้จะมีความย่นเป็นปกติ แต่รอยแผลเป็นที่เกิดขึ้นอาจเห็นได้ชัดกว่าบริเวณอื่นเล็กน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคนอายุน้อยที่ผอมและยังไม่เคยมีบุตรมาก่อน

รีวิวเสริมหน้าอก เจ็บมากไหม

การผ่าตัดที่บริเวณใต้ข้อพับรักแร้จะช่วยเลี่ยงการเกิดแผลเป็นบริเวณรอบเต้านม และไปมีแผลเป็นที่ใต้รักแร้แทน ส่วนการผ่าตัดรอบ ๆ หัวนมนั้นเป็นตำแหน่งที่อาจส่งผลข้างเคียงทำให้เกิดอาการชาหรือการรับความรู้สึกของหัวนมลดลงได้ ทั้งนี้คนไข้ควรพูดคุยปรึกษาถึงข้อดีข้อเสียและความเหมาะสมของการผ่าตัดใส่ถุงซิลิโคนแต่ละตำแหน่งที่ยังต้องขึ้นอยู่กับร่างกายของคนไข้ ประเภทและขนาดของถุงซิลิโคนด้วย

สำหรับการใส่ถุงซิลิโคน สามารถใส่ได้ 2 ตำแหน่ง คือ ด้านหลังชั้นกล้ามเนื้อหน้าอก ซึ่งเป็นตำแหน่งตามธรรมชาติที่สุด ช่วยให้รู้สึกสบายหลังการผ่าตัดมากกว่า และไม่เป็นอันตรายต่อกล้ามเนื้อหน้าอก อีกตำแหน่งที่ทำได้คือหน้าชั้นกล้ามเนื้อหน้าอกหรือใต้เนื้อเยื่อหน้าอก การใส่ซิลิโคนตำแหน่งนี้จะช่วยปกป้องเนื้อเยื่อและลดความเสี่ยงต่อการกระเพื่อมและการเกิดพังผืดรัดรอบถุงซิลิโคนเจลได้

ถุงซิลิโคนเสริมหน้าอกประเภทเจล จะมีเจลซิลิโคนอยู่ภายในก่อนแล้ว สามารถใส่เข้าไปได้ทันที แต่หากเป็นการเสริมด้วยถุงน้ำเกลือ อาจมีการเติมน้ำเกลือไว้ก่อนหรือเติมขณะผ่าตัดก็ได้ โดยแพทย์จะสอดเปลือกซิลิโคนเข้าไปแล้วจึงเติมน้ำเกลือเข้าไปตามขนาดที่คนไข้ต้องการ

เมื่อใส่ถุงซิลิโคนเรียบร้อยจึงตามด้วยการเย็บแผลผ่าตัด ก่อนปิดแผลอาจทำการวางท่อระบายผ่านผิวหนังไว้เพื่อช่วยป้องกันการสะสมของเลือดหรือของเหลว ซึ่งท่อระบายนี้จะถูกนำออกไปในการนัดตรวจหลังการผ่าตัดครั้งต่อไป

  1. การพักฟื้นหลังผ่าตัด

หลังการผ่าตัดจะเป็นการพักฟื้นและเฝ้าดูอาการของผู้ป่วย ระหว่างนี้อาจใช้ผ้าก๊อซพันไว้ที่หน้าอกหรือให้ใส่เสื้อยกทรงสำหรับใส่หลังการผ่าตัดเสริมหน้าอก การผ่าตัดเสริมเต้านมมีผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นได้เช่นเดียวกับการผ่าตัดทั่วไป โดยอาจทำให้มีอาการปวด บวม แผลฟกช้ำ และคงอยู่เป็นเดือน แต่จะค่อย ๆ ดีขึ้นเรื่อย ๆ นอกจากนี้ยังอาจตามมาด้วยแผลเป็นซึ่งเป็นธรรมดาของการผ่าตัด แผลเป็นเหล่านี้สามารถจางลงเป็นเส้นบางไปตามระยะเวลา แต่แผลเป็นที่เกิดขึ้นอาจมีลักษณะเด่นชัดกว่าในผู้ที่มีผิวคล้ำ

ก่อนกลับไปพักรักษาตัวที่บ้าน แพทย์อาจสั่งจ่ายยาสำหรับบรรเทาอาการปวดและคลื่นไส้ และอธิบายวิธีดูแลรักษาแผลด้วยตนเอง ทั้งนี้ หากต่อมามีอาการรุนแรง ได้แก่ เลือดไหล มีไข้ ตัวร้อน เต้านมแดง หรืออาการของการติดเชื้ออื่น ๆ ควรแจ้งให้แพทย์ที่ผ่าตัดทราบทันที

ในช่วงพักฟื้น ผู้ป่วยอาจจำเป็นต้องใส่เสื้อชั้นในสำหรับการผ่าตัดเสริมหน้าอก ผ้าพันหน้าอกหรือยกทรงสำหรับออกกำลังกายเพื่อให้รองรับแผลผ่าตัดไว้ เป็นไปได้ว่าจะสามารถกลับไปทำงานได้ภายใน 1-2 สัปดาห์ และควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องออกแรงทั้งหลายที่จะส่งผลให้อัตราการเต้นของหัวใจและความดันโลหิตสูงขึ้น เป็นเวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์

หากมีการใส่ท่อระบายก้อนเลือดหรือของเหลว แพทย์จะนำออกให้ 1-2 สัปดาห์หลังจากการผ่าตัด และส่วนใหญ่มักกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้ใน 6 สัปดาห์ จนผ่านไปสัก 2-3 เดือน หน้าอกจะเริ่มดูเป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น ถึงระยะนี้จึงสามารถหยุดใส่ยกทรงรองรับเต้านม

ผู้ที่เสริมหน้าอกด้วยซิลิโคนเจลนั้นแนะนำให้ตรวจ MRI เพื่อดูว่ามีการฉีกขาดของซิลิโคนหรือไม่หลังจากผ่าตัดเสริมหน้าอกเป็นเวลา 3 ปี หลังจากนั้นจึงตรวจเป็นประจำทุก ๆ 2 ปี นอกจากนี้ยังควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจมะเร็งเต้านมด้วยแมมโมแกรมอย่างสม่ำเสมอ และแจ้งให้ผู้ที่ตรวจทราบถึงการทำศัลยกรรมหน้าอก เนื่องจากถุงซิลิโคนอาจทำให้มองเห็นเนื้อเยื่อเต้านมได้ยากหากใช้การตรวจแมมโมแกรมเพียงอย่างเดียว จึงต้องใช้การตรวจโดยวิธีอื่นด้วย