เสริมหน้าอก

เสริมหน้าอกทรงหยดน้ำ จะทำให้สวยไหม รีวิวจากคนที่เคยทำ

สาว ๆ หลายคนที่มีปัญหาขนาดของหน้าอก ที่มาคอยรบกวนจิตใจ ทำให้วิตกกังวลใจอยู่เสมอ ไม่มีความมั่นใจในการแต่งตัว ทำให้ไม่อยากออกไปพบปะผู้คนหรือทำกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกับผู้อื่น ซึ่งในปัจจุบันมีทางเลือกในการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ให้หมดไปโดยการเสริมหน้าอก มีทางให้เลือกมากมาย เช่น การเสริมหน้าอกทรงหยดน้ำ หรือทรงกลม  ถือว่าเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ให้กับสาว ๆ ได้ดีเลยทีเดียว ทำให้เกิดความมั่นใจมากยิ่งขึ้น ก่อนการตัดสินใจเสริมหน้าอก ควรศึกษารายละเอียดเพื่อเป็นแนวทางในการตัดสินใจมากยิ่งขึ้น เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ออกตรงตามความต้องการมากที่สุด

ลักษณะหน้าอกทรงหยดน้ำ

ศัลยกรรมเสริมหน้าอกทรงหยดน้ำนั้นจะมีลักษณะป่องตรงส่วนล่าง และจะแบนตรงส่วนบน พูดให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือจะมีลักษณะเหมือนหยดน้ำ ซึ่งซิลิโคนเสริมหน้าอกทรงหยดน้ำนี้จะเหมาะกับสาว ๆ ที่มีหน้าอกน้อย เพราะซิลิโคนทรงหยดน้ำจะให้ความรู้ที่เป็นธรรมชาติมากกว่าและดูเนียนกว่าการเสริมด้วยซิลิโคนทรงกลม

การเสริมหน้าอกทรงหยดน้ำเหมาะกับใคร

  1. ผู้ที่มีระยะห่างระหว่างหัวนมกับฐานเต้านมน้อย ผู้ที่มีระยะห่างระหว่างหัวนมกับฐานเต้านมน้อย จะทำให้มีพื้นที่ใส่ซิลิโคนขนาดไม่ใหญ่พอที่จะสามารถใส่ซิลิโคนทรงกลมได้
  2. หน้าอกสูง โดยปกติระยะห่างระหว่างกลางไหปลาร้ากับหัวนมจะอยู่ประมาณ 18-22 เซนติเมตร ถ้าตำแหน่งของหัวนมสูงกว่านี้การใส่ซิลิโคนทรงกลมจะยิ่งดันหน้าอกให้สูงขึ้นอีก ทำให้ไม่สามารถเพิ่มขนาดหน้าอกให้ใหญ่ตามที่ต้องการได้ ซิลิโคนทรงหยดน้ำจึงเหมาะกับกรณีนี้เพราะนอกจากทำให้หน้าอกมีวอลลุ่มและหน้าอกไม่ถูกดันให้สูงเกินไป

การผ่าตัดแก้ไข การผ่าตัดแก้ไขศัลยกรรมหน้าอก เช่น เนินอกสูง ดูไม่เป็นธรรมชาติ  กรณีที่ใช้ซิลิโคนแบบผิวเรียบแล้วเกิดพังผืดรัด จึงต้องเปลี่ยนมาเป็นแบบเนื้อทราย หรือ กรณีที่ต้องการเพิ่มขนาดแต่ต้องการให้ดูเป็นธรรมชาติ

เสริมหน้าอกทรงหยดน้ำ ต้องทำยังไง

การเตรียมตัวก่อนรับบริการ

  1. ควรศึกษาข้อมูลและปรึกษาแพทย์ก่อนทำ
  2. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ประมาณ 6-8 ชั่วโมง
  3. ห้ามรับประทานยาหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารบางชนิด 1 สัปดาห์ก่อนทำ เช่น แอสไพริน ไอบูโพรเฟน ไดโคลฟีแนค พอนสแตน วิตามินอี น้ำมันปลา ใบแปะก๊วย โสม John’s wort น้ำมันกระเทียม เพราะมีผลต่อยาต้านการแข็งตัวของเลือด (ควรปรึกษาแพทย์ที่รักษาก่อนหยุดยา)
  4. งดทายาที่ช่วยผลัดเซลล์ผิว เช่น Tretinoin (Retin-A) Retinols Retinoids Glycolic Acid หรือครีมในกลุ่ม Anti-Aging อย่างน้อย 3 วันก่อนทำ
  5. หากมีโรคประจำตัว ยาที่ทานประจำ หรือแพ้ยา ควรแจ้งแพทย์ก่อนทำ
  6. งดดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ 24 ชั่วโมงก่อนทำ
  7. งดกิจกรรมที่ส่งผลให้มีการสูบฉีดไหลเวียนของเลือดมากขึ้น เช่น การออกกำลังกาย ซาวนา ในช่วง 24 ชั่วโมงก่อนทำ
  8. ต้องตรวจเลือดก่อนศัลยกรรม โดยทางคลินิกจะมีเจ้าหน้าที่คอยให้บริการ
  9. งดน้ำงดอาหาร 8 ชั่วโมงก่อนดมยาสลบ

การดูแลหลังรับบริการ

  1. ภายใน 24 ชั่วโมงหลังการผ่าตัด บางรายอาจมีอาการคลื่นไส้อาเจียน เนื่องจากผลข้างเคียงของการดมยาสลบ แต่หากไม่มีอาการสามารถทานอาหารอ่อนได้
  2. ไม่ควรนอนราบหลังการผ่าตัด ควรนอนให้ลำตัวส่วนบนสูง ประมาณ 30-45 องศา ควรนอนโดยใช้หมอนสูง 2-3 ใบหนุนดันหลัง
  3. ไม่ควรขยับตัวมากในช่วง 2-3 วันแรกหลังผ่าตัด
  4. ไม่ควรให้แผลถูกน้ำใน 5-7 วันแรก
  5. กรณีที่พลาสเตอร์หรืออุปกรณ์ที่ติดแผลลอกหลุดหรือแผลลอกหลุดหรือบาดแผลถูกน้ำ ให้กลับมาทำแผลปิดพลาสเตอร์กันน้ำใหม่ที่คลินิก ไม่ควรทำแผลเอง
  6. ควรนอนพักผ่อนให้เพียงพอในช่วง 5-7 วันหลังผ่าตัด
  7. แพทย์จะนัดตัดไหมและตรวจเต้านมหลังผ่าตัด 5-7 วัน
  8. หากมีอาการอักเสบ บวม แดง มีเลือดหรือหนอง มีอาการปวดแผลมากขึ้น หรือมีไข้ขึ้นก่อนวันนัด ควรรีบกลับมาพบแพทย์ทันที
  9. ในช่วง 5-7 วันหลังตัดไหม หากอาการปวดทุเลาลง ให้เริ่มนวดหน้าอกเบา ๆ ตามที่แพทย์แนะนำ เพื่อป้องกันการเกิดพังผืดยึดเกาะเต้านม จนทำให้หน้าอกแข็ง แต่ไม่ควรนวดก่อนตัดไหม
  10. ควรนวดคลึงเต้านมบ่อย ๆ อย่างน้อย 6 เดือน เพื่อป้องกันปัญหา โพรงที่ใส่ถุงนมมีการหดรัด รอบถุง ทำให้เต้านมแข็ง หด เป็นก้อน
  11. ไม่ควรยกของหนักหรือออกกำลังกายที่ใช้กล้ามเนื้อหน้าอก อย่างน้อย 6 สัปดาห์หลังผ่าตัด
  12. อาการบวมจะมีอยู่ประมาณ 4 สัปดาห์หลังผ่าตัด โดยจะบวมอยู่ประมาณ 2 สัปดาห์แรก และจะลดลงเรื่อย ๆ จนปกติประมาณ 6 สัปดาห์หลังผ่าตัด
  13. ควรสวมเสื้อชั้นในชนิดไม่มีโครง เช่น สปอร์ตบรา หรือซัพพอร์ตบราประมาณ 6 สัปดาห์ หลังจากนั้นสามารถสวมเสื้อชั้นในได้ตามปกติ
  14. สามารถขับรถพวงมาลัยพาวเวอร์ได้หากอาการปวดทุเลาลงประมาณ 5-7 วันหลังการผ่าตัด
  15. รับประทานยาตามแพทย์สั่งและมาตรวจตามนัดอย่างเคร่งครัด
  16. งดยาแอสไพริน บรูเฟน วิตามินอี น้ำมันตับปลา หรือสมุนไพรต่าง ๆ ต่ออีก 2 สัปดาห์หลังผ่าตัด เนื่องจากส่งผลให้เลือดออกง่าย ควรปรึกษาแพทย์ทุกครั้งหากต้องทานยาอื่น ๆ เพิ่มในช่วง 2 สัปดาห์หลังผ่าตัด
  17. ควรเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์หากยังมีอาการบวมและปวดแผล
  18. อาจมีอาการเสียวแปลบที่หัวนมหรือเต้านมด้านข้าง แต่จะหายไปภายในเวลาประมาณ 3 เดือน
  19. หากมีภาวะแทรกซ้อนหลังเสริมหน้าอก เช่น เลือดออกภายใน ติดเชื้ออักเสบ เต้านมแข็งตึง อาการปวดที่รุนแรงทันทีทันใด ซึ่งเกิดขึ้นได้น้อย แต่ก็ควรรีบปรึกษาแพทย์โดยด่วน